หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประสบการณ์อกหักจากธุรกิจเครือข่าย

ประสบการณ์อกหักจากธุรกิจเครือข่าย

สวัสดีค่ะ วันนี้กี้จะมาแชร์ประสบการณ์อกหักช้ำรักจากธุรกิจเครือข่ายนะค่ะ

จากความมเดิมตอนที่แล้ว กี้ได้กลับมาอยู่บ้านที่ภูเก็ต

ก็ต้องมาเริ่มหางานทำใหม่ แต่ด้วยที่เราก็อายุปาเข้าไปเลข 3 กว่าๆแล้ว

จะหางานอะไรมันก็แสนจะยากเย็นเหลือเกิน

เรื่องงานประจำนะจึงตัดทิ้งไปได้แล้ว แล้วด้วยความบังเอิญ

วันหนึ่งมีพี่คนหนึ่งได้มานวดหน้าให้แม่ที่บ้าน

บอกตรงๆตอนนั้นรู้สึกประทับใจมาก

เครื่องอะไรกันนี้ มันทำให้หน้าแม่เรายกกระชับขึ้นได้

ด้วยกี้เองก็เป็นคนที่ชอบเรื่องสวยๆ งามๆ อยู่ด้วย เลยยิ่งสนใจเป็นพิเศษ

แต่ติดที่ว่าเครื่องนี้ ราคาแพงเอาการอยู่ แต่ใจก็อยากได้

เลยคุยกับพี่คนที่มาทำหน้าให้แม่

คุยไปคุยมาก็เริ่มสนใจอยากทำ มันคงน่าสนุกเนอะ

ทำให้คนอื่นสวยด้วย เราก็สวยด้วยแถมได้ตังค์ด้วย

ตอนนั้นจึงตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่ายไปโดยไม่คิดอะไรมาก

แผนการตลาดอะไรไม่สนใจหลอกค่ะ ไม่เข้าใจด้วย

รู้แค่ว่าธุรกิจเครือข่าย แบรนด์นี้ดังพอดูเลย

แล้วยิ่งพอได้ไปที่ศูนย์  ยิ่งทำให้ตัดสิ้นใจได้เร็วยิ่งขึ้น

แต่พอเริ่มทำ เริ่มมีอะไรอึ้งๆค่ะ

ไม่เสียค่าสมัครแต่ต้องซื้อสินค้าเป็นจำนวนเท่านี้

ต้องทำยอดเท่านี้ถึงจะได้ปรับตำแหน่งเป็นนักธุรกิจ

การรักษายอดส่วนตัวต่อเดือนต้องเท่านี้ ยอดกลุ่มต้องเท่านี้

แล้วต้องซื้อเครื่องตัวนั้นด้วยค่ะ

เพื่อเป็นการเปิดใจให้กับเป้าหมายของเรา

ไอ้เครื่องนั้นราคาก็แพงเอาการอยู่

แต่ก็เอาว่ะ ตัดสินใจยืมเงินเพื่อนเพื่อมาซื้อเครื่องนั้น

ทำได้เดือนที่ 6 เริ่มเครียดค่ะ ขอบอกเครียดมากเลย

เพราะคิดๆเป็นเงินนี้มันเยอะมากอยู่นะ

ไหนจะหนี้ที่ยืมเพื่อนมาอีกละค่ะ

แล้วคนที่พึ่งย้ายมาอยู่นี้ได้ไม่กี่เดือนอย่างเราละ

วันๆก็อยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน

แต่ก็ยังโชคดีค่ะ มีเพื่อนกลุ่มแรกในภูเก็ต

คือกลุ่มนี้ไปเจอกันที่เรียนเสริมสวยค่ะ  

มีคนหนึ่งสนใจที่จะทำด้วย แต่ด้วยอะไรเยอะแยะมากมายอย่างที่บอก

เลยจบไปค่ะ การจบครั้งนั้นทำให้กี้เสียเพื่อนไปด้วย

โดยข้อหาที่ว่า เราไปหลอกเค้าให้มาเสียเงินเยอะ

ซ้ำยังไม่พอค่ะ ยังลามไปถึงคนอื่นๆอีกด้วย เวลาจะไปหาเพื่อนคนอื่นใน

กลุ่มนะค่ะ ขอบอก เค้าแทบจะไม่ยอมมาเจอกี้เลย เครียดค่ะ เครียด T__T

แล้วยังไม่พอค่ะ คุณแม่ค่ะ น่ารักมาก ช่วยกี้หาลูกค้า

หาไปหามาจนจะไม่มีใครรับโทรศัพย์แม่แล้ว (สงสารแม่เลย)

กี้เลยคิดว่าจะหยุดทำค่ะ เพราะเบื่อกับการต้องขายของ

ต้องหายอด ต้องรักษายอดไม่งันเราจะตกจากตำแหน่งผู้บริหาร

เลยหยุดเอาดื้อๆค่ะ


คุณพ่อกับคุณแม่ค่ะและก็ลูกสาวกี้ค่ะ




หยุดได้เกือบเดือน มีเรื่องที่บ้านค่ะ

พ่อมาป่วยลุกไม่ได้เดินไม่ได้ เหมือนคนเป็นอัมพาต

กี้อยากแบ่งเบาภาระที่บ้าน กี้เลยคิดว่า

กี้จะกลับไปทำงานนี้อีกที ลองอีกซักตั้ง

เพราะกี้มองเห็นโอกาสในธุรกิจเครือข่ายว่ามันสร้างรายได้ให้เราจริงๆ

กลับไปทำเดือนแรกก็มีคนสนใจทำธุรกิจด้วย  

แต่เนื่องด้วยการรักษายอดค่อนข้างเยอะ(สำหรับบ้างคนอาจคิดว่าน้อย แต่มันเยอะสำหรับคนอีกจำนวนหนึ่ง) ก็ไปไม่รอดอีกตามเคยค่ะ

แต่กี้ก็ยังทำนะค่ะ ทำแบบเหนื่อยๆ หมดพลัง ท้อๆ ไม่สนุก รู้สึกไม่ดี

จนวันหนึ่งค่ะ นับว่าเป็นวันเปลี่ยนได้เลย

มีนิตยสารของบริษัทเอมสตาร์ส่งผิดค่ะ ส่งมาที่บ้าน
(จริงๆบริษัทนี้เคยได้ยินชื่อมาแล้วนะ ตอนไป กรุงเทพ มีคนพูดถึง กี้ก็จะปฎิเสธ ประมาณ ไม่ดีหลอก ของเราดี แบบว่าตอนนั้นปิดใจกับบริษัทอื่นมากเลย )

กี้ได้เปิดนิตยสารอ่านค่ะ ไปเจอเรื่องน้ำมันรำข้าวจมูกข้าว

อยากรู้ข้อมูล เ ลยมาเปิดหาในเน็ตตอ่าน ก็ได้ข้อมูลมาเยอะค่ะ

น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวมีหลายบริษัทมากเลย

ตอนนี้ก็ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท หาดูหาอ่านหาฟังอยู่ประมาณ 3 วันค่ะ

ชอบขึ้นมากระทันหัน ฟังคนที่ประสบผลสำเร็จเปิดใจเกี่ยวกับบริษัท

ที่ youtube รู้สึก โอเค เปิดอินเตอร์เน็ตหาไปหามาเจอกลุ่ม e – leader

รู้สึกว่าตรงกับเรามากเลย สามารถทำงานที่บ้านได้

ทำงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ ให้ระบบทำงานแทน

เหมาะสำหรับคนที่มีเพื่อนน้อยๆอย่างเราเลย เลยจัดการเลยค่ะ

ส่งเมล์ไปเลยค่ะ พอเย็นๆมีคนโทรมา แล้วเชิญไปฟังการประชุมออนไลน์

ก็เข้าไปฟังนะค่ะ รู้สึกดีมากอีกแล้วค่ะ

แล้วยิ่งคนที่โทรมาคุยกับกี้นะ ไม่มีการชักชวนโน้มน้าวอะไรเลย

มีแต่แนะนำ ไม่ได้บอกให้กี้รีบไปสมัครกับกลุ่มเค้า

ไม่ได้บอกให้ซื้อสินค้าตอนนี้เลย แบบว่าคุยด้วยแล้วไม่อึดอัดนะค่ะ

มีแต่การแนะนำจริงๆ สอนให้โดยที่เรายังไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนร่วมอะไรกับเค้าเลยค่ะ

มีการส่งเมล์สอนงานมาให้ตลอด มีการเชิญไปประชุมออนไลน์
(ยังไม่ได้สมัครเลย แต่เข้าไปฟังประชุมออนไลน์กับเค้า 2 ครั้งละ อิอิ)

ลองศึกษาข้อมูลก่อนอีกประมาณเกือบ 3 อาทิตย์

คนที่โทรมาตอนแรก(ชื่อ คุณ ผึ้ง)ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมาบีบให้เรารีบสมัคร

หรือมาเร่งอะไรกับเราเลย รู้สึกสบายๆดีค่ะ ไม่อึดอัด 

แต่ก็มีเพือนหลายๆคนนะค่ะที่หวังดี มาเตือนกี้ว่า ระวังจะโดนหลอก

เพราะธุรกิจในลักษณะออนไลน์แบบนี้มีหลอกกันมาเยอะแล้ว

บางคนก็ว่ายังไม่เข็ดกับธุรกิจเครือข่ายอีกหลอ

เข้าใจค่ะ ว่าการทำในลักษณะออนไลน์มันหน้ากลัว พวกมิจฉาชีพก็เยอะ

แต่กี้เห็นว่า กี้ไม่ได้เสียอะไรให้กับกลุ่ม e – leader

มีแต่ กลุ่มเค้าเข้ามาสอนงาน และถึงแม้ว่ากี้จะโดนหลอก

กี้ก็ยอมค่ะ เพราะดีกว่ากี้นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย

วันนี้กี้อาจจะเป็นน้องใหม่ในทีม e – leader

แต่กี้ก็หมั่นใจในศักยภาพของทีมนี้ค่ะ

อย่างที่บอกแหละค่ะ ถ้ากี้มัวแต่กลัว ไม่กล้าทำ กลัวเสียเงิน

กลัวเสียเวลา กลัวโดนหลอก กลัวไปซะหมดทุกอย่าง

แล้วเมื่อไหรกี้จะเปลี่ยนชีวิตตัวกี้เองได้ละค่ะ

วันนี้กี้พร้อมที่จะเปลี่ยนตัวกี้เองค่ะ เพื่อตัวกี้เองและเพื่อคนที่กี้รัก

แล้วคุณละค่ะ พร้อมที่จะเปลี่ยนหรือยัง ถ้าคุณพร้อมที่จะเปลี่ยน

กี้และทีม e – leader พร้อมช่วยคุณค่ะ

การทำงานบนโลกอินเตอร์เน็ตไม่ได้น่ากลัวหรือมีแต่หลอกลวงอย่างเมื่อก่อนแล้วนะค่ะ

คุณลองเข้ามาศึกษาข้อมูลกับทางเราดูก่อนได้ค่ะ

ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

กี้หวังว่า กี้และทีมงาน e – leader จะมีส่วนร่วมทำให้ความฝันของคุณเป็นจริงได้นะค่ะ

แล้วพบกันค่ะ

e-leader ระบบอัจฉริยะ ของการสร้างรายได้ 



ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจเครือข่าย

สุกี้ 081-8395424
suki.577@hotmail.com
sukiaimstar@gmail.com
 http://www.puchita.eleader-group.com/

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ผิวสวยหน้าใสอย่างถูกต้องและปลอดภัย+

ผิวสวยหน้าใสอย่างถูกวิธีและปลอดภัย

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน จริงๆแล้ววันนี้กี้ไม่ได้คิดว่าจะเขียนเรื่องสวยๆงามๆหลอกค่ะ แต่เนื่องด้วยมีคนทักกันหลายคนเหลือเกิน

ไปทำอะไรมา ทำไมผิวดีขึ้น ผิวสวยขึ้น หน้าใสขึ้น รอยสิวจางลงเยอะเลยเนอะ


ไปกินกูลต้ามาหรือเปล่า ไปฉีดสารทำให้ผิวขาวมาหรือเปล่า

รอยใต้ตาหายไปไหน ตีนกาตีนไก่มันหายไปไหนแล้วน้อง
ไปแอบฉีดโบท๊อกมาหรือเปล่าจ๊ะ

ด้วยความที่เห็นตัวเองอยู่ทุกวันเลยไม่ได้สังเกตอะไรมากมาย

แต่พอมาเจอคนที่ไม่ได้เจอกันมาเดือนกว่าๆ และ อีกหลายๆคนทัก
ก็อืมมม จริงเหรอ

เลยจัดการไปถ่ายรูปเล่นกะลูกสาวซะเลย ไหนๆก็จะพาลูกสาวเที่ยวอยู่แล้ว

พอเอารูปมาลงคอมแล้วเอามาเทียบกับรูปเก่าเที่ถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วดู

เท่านั้นละ เฮ้อออ ดูผิวดีขึ้นจริงๆ  ดูขาวขึ้น ผิวดูสดชื่นขึ้น
และที่สำคัญ รอยใต้ตา ตีนกา ตีนไก่

มันบางลงอย่างเห็นได้ชัด อืมม เอมสตาร์ของเค้าดีจริงๆ

กี้ไม่ได้ไปกินกลูต้า ฉีดตัวขาว หรือ ฉีดโบท๊อก อะไรทั้งนั้นแหละค่ะ
 แต่ที่กี้ทำตอนนี้คือ

ทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง มีคุณภาพและปลอดภัย
ไม่มีผลกระทบอะไรกับสุขภาพ



นี้ภาพตอนเดือนสิงหาคมนะค่ะจะเห็นว่าผิวจะแห้งๆขาดความชุ่มชื่น
มีรอยสิวดำๆนี้ขนาดทาลองพื้นปิดนะนี้ยังไม่ช่วยอะไรเลย T_T






นี้ภาพล่าสุดค่ะ วันที่  19 ตุลาคม 53
ผิวจะสวยขึ้น เปล่งปลั่งขึ้น ดูสดใส เหมือนมีแสงออร่าเปล่งออกมา หุหุ
และรอยดำจากสิวก็หายไป




อาหารเสริมที่กี้ทานก็คือ

1.      น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว ไวทอลสตาร์   



      น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีหลายยี่ห้อหลายบริษัทให้ เลือกมากมาย หาซื้อได้ทั่วไป แต่ทำไมกี้ถึงเลือก ไวทอลสตาร์ ของ เอมตาร์  เพราะว่า น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวไวทอลสตาร์นั้น ส่งตรวจแล้วไม่มีสาร เฮ็กเซน ตกค้างเหลืออยู่เลย  (สารเฮ็กเซนคือสารที่ทุกบริษัทต้องใช้ย่อยรำข้าวจมูกข้าวให้กลายเป็นน้ำมัน) จึงสบายใจได้ว่าเราทานไปนี้จะไม่มีสารอะไรตกค้างอยู่ในร่างกายเราอย่างแน่นอน ปลอดภัยกับตับ ปลอดภัยกับไต และที่สำคัญปลอดภัยกับชีวิตของเราแน่นอน

2.      เดอร์มารีน 



      อันนี้ละค่ะที่สุดยอด ตัวนี้ละค่ะที่ทำให้ผิวสวยสดใส ช่วยเรื่องริ้วรอย และที่สำคัญให้ให้หน้าอกอวบอิ่มขึ้น เหอๆๆ ชอบค่ะ



3.      แอสนี่ อาย ทรีทเมนต์



      ครีมบำรุงรอบด้วยตา ช่วยลดริ้วรอยรอบด้วยตา เนื้อครีมเข้มข้น และ ซึมเข้าผิวเร็วมากค่ะ ตัวนี้จะช่วยฟื้นฟูผิวจากภายนอก และราคาไม่แพงค่ะ ไม่ถึงพันเลย ถูกและคุ้มมากๆ



แค่ 3 อย่างนี้ละค่ะ เห็นผลดีจริงๆ และราคาก็ไม่แพงด้วยค่ะ

ในแต่ละตัวก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวก็ได้ประโยชน์หลายอย่าง

ไว้บทความหน้าเกี่ยวจะมาแบ่งปันเกี่ยวกับตัวน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวนะค่ะ

ว่านอกจากทำให้กี้ผิวสวยขึ้นแล้ว กี้ยังได้รับประโยชน์อะไรอีก  

สำหรับท่านใดนะค่ะ ที่ต้องการจะผิวสวยอย่างปลอดภัย

ติดต่อสอบถามข้อมูลกับกี้ได้นะค่ะ กี้ยินดีให้ข้อมูลค่ะ 




สุกี้    081-8395424


http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000427609533

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มารู้จักกันก่อนนะค่ะ

สวัสดีค่ะ ปูชิตา  คุ้มครอง  กี้ ค่ะ เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึ่งไม่ได้เก่งไม่ได้วิเศษไปกว่าใคร
จบการศึกษาที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ค่ะ ไม่ได้จบภาคปกติเหมือนหลายๆคนนะค่ะ
 กี้จบภาคสมทบหรือที่รู้จักกันในชื่อ กศบป.

 ซึ่งหลายๆคนเอามาแปลล้อเลียนกัน “การศึกษาบั้นปลายชีวิต” (ช่างคิดกันได้)
 ในระหว่างที่เรียนก็ทำงานที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่งเงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรค่ะ
นี้รูปสมัยเรียนค่ะ เห็นไหมค่ะ การศึกษาบั้นปลายชีวิตจริงๆ อิอิ
มีแต่ผู้ใหญ่เรียนค่ะ เรียนหลังเลิกงาน





รูปนี้วันรับปริญญาค่ะ ปี 2549




พอวันเสาร์อาทิตย์ก็ไปหาขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด จนกระทั้งจบปริญญาตรี กี้ก็ได้ทำงานหลายแห่งค่ะ
จนสุดท้ายก็ได้มาทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง การตลาด

เงินเดือนก็ไม่ได้มากอะไรเหมือนเคย แต่อาศัยใกล้บ้าน

และเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทำการตลาดโรงพยาบาลสนุกค่ะ
ได้ออกหน่วยเอ็กซเรย์ ต้องตื่นตั้งแต่ ตี 2 มาสแกนนิ้ว อย่าให้บอกเลยค่ะ บรรยากาศเป็นยังไง ><
 ทำงานโรงพยาบาลอยู่ได้สักระยะหนึ่ง  เริ่มมาคิดอะไรหลายๆอย่าง
งานโรงพยาบาล เป็นงานที่ชอบค่ะ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมการตรวจสุขภาพ

มีความสุขค่ะ เหมือนเราได้แนะนำสิ่งดีดีให้ใครต่อใคร

รูปนี้ตอนทำงานที่โรงพยาบาลค่ะ



แต่ปัญหามันติดอยู่ตรง เงินเดือนนี้ละค่ะ เรื่องใหญ่ อย่างที่บอกค่ะ เป็นแค่เจ้าหน้าที่ เงินเดือนมันจะไปมากอะไร
และกี้เป็นคนไม่ชอบทำงานประจำ เบื่อต้องรีบตื่นเช้า

โหนรถเมล์เบียดกับคนอื่นหรือแย่งกันขึ้นรถตู้ เพื่อไปตอกบัตรให้ทันเวลาคะ
เริ่มเบื่อกับความวุ่นวายในกรุงเทพ เบื่อระบบงาน เบื่อเงินเดือนน้อย(ไม่ยอมขึ้นเงินเดือนซะที)
กี้จึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลค่ะ ออกได้ไม่นานก็มีอันต้องย้ายกลับมาอยู่ที่ภูเก็ต
ซึ่งนับว่ากี้เป็นคนใหม่ของที่นี้มาก เพราะกี้ใช้ชีวิตอยู่ที่ กรุงเทพ ตั้งแต่เกิดก็ว่าได้
แต่ที่ตัดสินใจกลับมานี้ก็เพราะลูกสาวด้วยค่ะ จะได้อยู่ใกล้ๆลูกสาว
ไหนๆก็เบื่องานที่ กรุงเทพ แล้ว เลยคิดว่ามาหางานทำที่นี้ดีกว่า
แต่ด้วยอายุที่มากแล้ว จะไปหางานอะไรมันก็ยาก และเราก็ไม่ใช่คนเก่งอะไรด้วย
แล้วที่นี้เราจะทำอะไรดีละ เพื่อจะได้มีเงินกินมีเงินใช้
เอาละค่ะ วันนี้กี้ขอแนะนำตัวแค่นี้ก่อนดีกว่านะค่ะ แล้วเดี๋ยวในบทความต่อไป
กี้จะเล่าให้ฟังว่ากี้เข้ามาในธุรกิจเครือข่ายได้อย่างไร และ เกิดอะไรขึ้นกับกี้บ้าง
ไว้เจอกันในบทความต่อไปนะค่ะ
นี้ลูกสาวค่ะ น้อง อุ้ม

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บ้านอ้อมกอดขุนเขา

สวัสดีค่ะ กี้ ค่ะ

จริงๆแล้วบล็อกกนี้จัดทำเพื่อแลกเปลี่ยนและแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำธุรกิจออนไลน์

แต่เริ่มเขียนอันแรกก็ขอแบบว่า...เที่ยวก่อนแล้วกันนะค่ะ

ก็แหมม คนมันชอบเที่ยวนี้ค่ะ และถ้าไม่ได้ระบบงานออนไลน์ที่ดีนี้รองรับ

กี้จะทำงานด้วยเที่ยวด้วยแบบมีความสุขนี้ได้ยังไงเน๊อะ อิอิ

นี้ก็ปลายฝนจวนจะต้นหนาวละ กี้ขอพาเที่ยวแถวสวนผึ้งราชบุรีกันดีกว่านะค่ะ

วันนี้ขอพาไปยังดินแดนในฝัน บ้านอ้อมกอดขุนเขา ว๊าววววว สวยมากขอบอก

ยิ่งใกล้หน้าหนาวเพือนๆคนไหนอยากไปสวิตกะแฟนกี้แนะนำที่นี้เลยค่ะ

รับประกันความโรแมนติก

บ้านอ้อมกอดขุนเขาเป็นรีสอร์ทขนาดกลาง สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน

สร้างในรูปแบบปูนสีขาวค่ะ ดูอบอุ่นดีค่ะ ^^

ห้องพักแบ่งออกเป็น 7 ประเภทค่ะ คือ

  1. แบบเป็นห้องพักค่ะ เป็นห้องๆนะค่ะ มีทั้งหมด 6 ห้อง
  2. บ้านหลังเล็ก มี 9 หลัง
  3. บ้านหลังเล็กโซนสระน้ำ มี 4 หลัง
  4. บ้านฝังดิน มี 1 หลัง (วันนี้กี้จะพักที่นี้ละ อิอิ)
  5. บ้านหลังใหญ่ มี 4 หลัง
  6. บ้านหลังใหญ่โซนสระว่ายน้ำ มี 4 หลัง
  7. บ้านหลังใหญ่สระว่ายน้ำส่วนตัว มี 2 หลัง

เอาละค่ะที่นี้เรามาดูกันเลย แต่ขอบอกนะค่ะ ถ่ายรูปไม่เก่ง อาจขัดใจบางคนบ้าง

ก็แหมม กี้ไม่ใช่มืออาชีพนี้ค่ะ ไงไงก็ทนดูกันหน่อยละกันนะ


รูปแรกค่ะ ล็อบบี้ สีขาวสวยมากค่ะ พนักงานต้อนรับก็น่ารัก


อันนี้มุมกาแฟ กับทางเข้าที่พักค่ะ วันนี้บ้านไข่ดาวจะเป็นบ้านของเรา

ทางลงบ้านค่ะ ก็แหมม บ้านเรามันบ้านฝังดินนิ เลยต้องเดินลงดิน


ภายในห้องค่ะ แยกเป็นสัดเป็นส่วนดี ห้องนอนสวยมากด้วย อิอิ


โห..เข้าไปเจออ่างอาบน้ำ ขอบอกค่ะใหญ่มากเลย ว่ายได้เลยนินี้ 555


อ่างล้างหน้าก็ใหญ่ได้ใจมาก ล้างทีไม่กระเด็นเลอะเทอะ
แต่ที่ไม่ชอบนะค่ะ สังเกตตรงที่ลูกศรชี้ค่ะ ไม่มีประตูค่ะ
แนะนำคู่รักที่พึ่งเป็นแฟนกันใหม่ๆไม่ควรมาอย่างยิ่ง
เพราะอาจเกิดอาการ อายยย อย่างม๊ากก
เวลาจะเข้าห้องน้ำอะ ขอส่วนตัวหน่อยก็ไม่ได้เน้ออ - -"

ออกมาดูด้านนอกกันบ้างดีกว่า
บรรยากาศดีค่ะ
แต่เนื้องด้วยคนถ่าย ถ่ายรูปไม่เก่ง
เลยออกมาไม่สวย
แต่ที่จริงสวยมากค่ะ คอนเฟริ์ม

หลังบ้านค่ะ
กี้ว่าบ้านนี้อยู่กันเป็นสิบยังได้เลย เนื้อที่กว้างมากเลย
มากันหลายๆคนน่าจะสนุก


และแล้วก็ถึงเวลากิน
กินกัน 2 คนนะค่ะ แค่ 2 คน
ไม่รู้จะสั่งอะไรนักหนา
แต่อาหารที่นี้ค่อนข้างหวาน
ขัดใจกี้จริงๆ เพราะกี้ไม่ชอบกินหวาน เหอๆๆๆ
แต่โดนรวมแล้วอร่อยค่ะ



ออกมาเดินเล่นกันข้างนอกบ้างเนอะ




ปิดท้ายด้วยรูปนี้นะค่ะ


โดยรวมแล้วกี้ชอบนะที่นี้ บรรยากาศ สถานที่ ทุกอย่าง โอเค หมดค่ะ

แต่ถ้าจะมีก็ตรงที่เวลาสั่งอาหารหรือเรียกพนักงาน เราต้องขึ้นไปรอเค้าตรงหน้าประตู

เพราะที่บ้านไม่มีกริ่ง เวลาพนักงานมาเราจะไม่รู้ และอาหารที่ค่อนข้างหวาน

แต่โดยรวมแล้วดีค่ะ ไว้มีโอกาสจะไปอีกแน่นอน